📌เมืองชิบะนำร่องให้ผู้ชายลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรอย่างเป็นทางการ ภายใต้การส่งเสริม เรื่องความสมดุลในชีวิตการทำงานและครอบครัว (Work-Family Life Balance)🥰
.
.
➡️นายกเทศมนตรีเมืองชิบะ คุณโทชิฮิโตะ คุมะไก (Toshihito Kumagai) ผู้นำร่องการส่งเสริมเรื่องความสมดุลในชีวิตการทำงานและครอบครัว (Work-Family Life Balance) รวมถึงการอบรมผู้จัดการเพื่อให้ให้มีความยืดหยุ่นต่อลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชามากขึ้น
.
➡️สาเหตุที่พนักงานผู้ชายญี่ปุ่นหลายคนปฏิเสธที่จะขอลาหยุดด้วยเหตุผลที่ไปเลี้ยงลูก หรือการเกิดของลูก
ส่วนมากมีเหตุผลมาจาก “บรรยากาศที่ทำงานไม่ได้เอื้องต่อการทำสิ่งนั้น” หรือ “ไม่ลา เพราะหลีกเลี่ยงการโดนตัดเงิน”
(อ้างอิงจากผลแบบสอบถามของบริษัทรีเสริช - Mitsubishi UFJ Research and Consulting Co., Ltd.)
.
.
📚หลังเริ่มทำมาสักพัก พนักงานเมืองชิบะผู้ชายหลายคนบอกว่า
💫ไม่ต้องรู้สึกละลายที่จะขอลามาเลี้ยงลูก
💫กล้าขอลามาเลี้ยงลูก แบบไม่ต้องกลัวถูกหักเงินเดือน
💫กล้าขอลามาเลี้ยงลูก แบบไม่ต้องหาเหตุผลที่ต้องถูกเพื่อนร่วมงานเขม่น
.
.
📈ผลลัพธ์ด้านตัวเลข
ปี 2017 - ยอดลาไปเลี้ยงลูกของพนักงานรัฐบาลเมืองชิบะ อยู่ที่ 12.6%
พอปีถัดมา หัวหน้าหลายๆแผนกบอกกับลูกน้องของตนตั้งแต่ต้นปีว่า ไม่ต้องลังเลใจที่จะขอลา ทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ในญี่ปุ่น
.
📚หลังจากนั้น ตัวเลขของการลาไปเลี้ยงลูก ก็เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง คิดเป็น +28.7% จากยอดรวมปี 2017
และ เพิ่มเป็น 65.7% ในปี 2018
และแตะถึง 92.3% ในปี 2019
.
.
พนักงานเมืองชิบะหลายคนรู้สึกขอบคุณนายกเทศมนตรีที่มีการส่งเสริมเรื่องนี้เกิดขึ้น ทำให้เวลาจะลางาน เจ้านายก็เข้าใจมากขึ้นเพราะมีกฎจากเจ้าเมือง (อิอิ) หรือสามารถขอย่นเวลาการทำงานเพื่อไปเลี้ยงลูก โดยที่สามารถทำโดยไม่รู้สึกลำบากใจ
.
.
หูยยยยยยว จุดเปลี่ยน new norm สำหรับผู้ชายไปอี้กกกกกกค่า แล้วยิ่งเป็นประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานหนัก!! โอ้โห อยากให้ลองใช้กับหลายๆจังหวัดดูจังแฮะ
.
คิดว่าเมืองไทยสามารถทำแบบนี้ได้ไหมคะ!??